วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เมนูอาหารกับมะเขือเทศ

เมนูอาหารกับมะเขือเทศ

1. สปาเกตตีมะเขือเทศยัดไส้หมูสับ 
มะเขือเทศ

     วันเกิดคนพิเศษจะให้ทำเมนูสปาเกตตีราดซอสมะเขือเทศหมูเสิร์ฟดูไม่แนวพอ ลองเปลี่ยนไอเดียจับซอสหมูยัดไส้มะเขือเทศกินคู่กับสปาเกตตีแทนดูเก๋กว่าเยอะ สูตรจาก คุณ Fille Courageuse สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม พอแปลงโฉมแล้วหน้าตาไฉไล แม้ปล่อยไว้นานจนเซ็งก็ยังกินได้อร่อยเหมือนเดิมนะคะ

ส่วนผสม สปาเกตตีมะเขือเทศยัดไส้หมูสับ

     • หมูสับ 100 กรัม
     • หอมใหญ่
     • หอมแดง
     • กระเทียม 2 กลีบ
     • ผักชี
     • มะเขือเทศ 3 ลูก
     • น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันพืช
     • ไข่แดง 1 ฟอง
     • เกลือป่น
     • พริกไทยดำ
     • พริกป่น
     • เส้นสปาเกตตี
     • เนยจืดหรือเนยเค็ม

วิธีทำสปาเกตตีมะเขือเทศยัดไส้หมูสับ

     • 1. นำหมูสับใส่ชาม ซอยหอมใหญ่ หอมแดง กระเทียม และผักชีใส่ลงในชามหมูสับ จากนั้นผ่ามะเขือเทศให้เป็น 2 ชิ้น (ตัดหัวและท้ายมะเขือเทศเพื่อให้วางตั้งได้)
     • 2. คว้านไส้มะเขือเทศออกโดยใช้ปลายช้อนขูดเอาไส้ออกให้หมด (ระวังอย่าให้ก้นทะลุ) จากนั้นหยดน้ำมันมะกอกพร้อมโรยพริกไทยและเกลือป่นลงบนมะเขือเทศ
     • 3. นำไส้กับน้ำมะเขือเทศที่ได้จากการคว้านมะเขือเทศเมื่อครู่ใส่ลงในชามหมูสับ ใส่ไข่แดงตามลงไป
     • 4. นำหอมใหญ่และหอมแดงลงไปเจียวให้หอม ใส่ลงในชามส่วนผสมหมูสับ ปรุงรสด้วยเกลือป่น พริกไทย และพริกป่น จากนั้นผสมให้เข้ากัน ตักยัดใส่ลงในมะเขือเทศให้พูน ๆ
     • 5. ทาน้ำมันมะกอกลงในถาดสำหรับอบ จากนั้นวางเรียงมะเขือเทศใส่ถาด และหยดน้ำมันมะกอกลงบนมะเขือเทศอีกเล็กน้อยก่อนนำไปอบ (เพื่อป้องกันไม่ให้หน้ามะเขือเทศไหม้) จากนั้นนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟล่างและบน ใช้เวลาอบ ประมาณ 15 นาที พออบไปได้ 7 นาที ให้ปรับเหลือแต่ไฟล่าง (มิฉะนั้นหน้าไส้จะไหม้ดูไม่น่ากิน)
     • 6. ต้มน้ำเตรียมทำสปาเกตตี โดยหยดน้ำมันมะกอกลงไปในหม้อเล็กน้อยและใส่เกลือป่นลงไปในน้ำ (เพื่อเพิ่มรสชาติและกันไม่ให้เส้นติดหม้อ) พอน้ำเดือดให้ใส่เส้นลงไป ต้มนานประมาณ 10-12 นาที จึงค่อยรินน้ำออก (บางคนจะเอาเส้นไปช็อกกับน้ำเย็น เหมาะสำหรับคนที่จะเก็บเส้นสปาเกตตีเข้าตู้เย็นไว้กินวันถัดไปหรือวันอื่น ๆ) สะเด็ดน้ำแล้วก็ใส่ลงในภาชนะ ใส่เนยจืดหรือเค็มลงไปในขณะที่เส้นร้อนและคนให้เข้ากัน
     • 7. จัดเส้นสปาเกตตีใส่จาน วางเคียงด้วยนำมะเขือเทศยัดไส้หมู โรยพริกไทยและผักชี

2. น้ำพริกมะเขือเทศกุ้งหมูสับ
มะเขือเทศ

     สำหรับสาว ๆ ที่มองหาเมนูมะเขือเทศทำเป็นน้ำพริกมื้อเย็น นี่ไงจัดเลยกับเมนูน้ำพริกมะเขือเทศกุ้งหมูสับ สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน สูตรนี้จัดเต็มเนื้อสัตว์ใส่ทั้งหมูสับกับกุ้ง ผัดกับมะเขือเทศเนื้อข้น จิ้มกับผักสดอร่อยสุด ๆ ไปเลยค่ะ

ส่วนผสม น้ำพริกมะเขือเทศกุ้งหมูสับ

     • เนื้อหมูสันนอกสับหยาบ 100 กรัม
     • มะเขือเทศราชินี (หั่นครึ่งนำเม็ดออก) 150 กรัม
     • เนื้อกุ้งสดสับหยาบ ๆ 50 กรัม
     • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง
     • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
     • เกลือป่นหยาบ 1 ช้อนชา
     • น้ำปลา 1 ช้อนชา
     • กระเทียมสับละเอียด 5-6 กลีบ
     • น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง
     • ต้นหอมและผักชีซอยรวมกัน 2 ช้อนโต๊ะ
     • ผักสดทานเคียง เช่น แตงกวา, ถั่วฝักยาว, ผักกาดขาว, กะหล่ำปลี และมะเขือเปราะ

ส่วนผสม น้ำพริกแกง

     • พริกขี้หนูแห้ง (แช่น้ำพอนุ่ม) 10 เม็ด
     • ตะไคร้ซอยละเอียด 2 ต้น
     • หอมแดง 3 หัว
     • กระเทียม 5 กลีบ
     • กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
     • เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำน้ำพริกมะเขือเทศกุ้งหมูสับ

     • 1. โขลกพริกขี้หนู ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม กะปิ และเกลือป่นให้ละเอียด ใส่เนื้อหมูและมะเขือเทศราชินี โขลกพอเข้ากัน พักไว้
     • 2. นำกระทะใส่น้ำมันพืชตั้งไฟพอร้อน ใส่กระเทียมลงเจียวให้หอมใส่ส่วนผสมในข้อที่ 1 ลงผัด พอหมูเริ่มสุกเติมเนื้อกุ้ง ผัดพอสุก
     • 3. เติมน้ำเปล่า รอให้เดือด ปรุงรสด้วยเกลือป่น น้ำตาลทราย น้ำปลา ผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ ใส่ต้นหอม ผักชี ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟพร้อมผักสดตามชอบ

3. ยำมะเขือเทศราชินีกับปลากะพงย่างตะไคร้ 
มะเขือเทศ

     มื้อเที่ยงอยากกินเมนูมะเขือเทศแซ่บ ๆ เราจัดให้ค่ะ ขอแนะนำเมนูยำมะเขือเทศราชินีกับปลากะพงย่างตะไคร้ สูตรจาก นิตยสาร Health & Cuisine ยำมะเขือเทศรสเผ็ดจี๊ด กินคู่กับปลากะพงเสียบตะไคร้ย่างหอม ๆ ยั่วน้ำลาย

ส่วนผสม ยำมะเขือเทศราชินีกับปลากะพงย่างตะไคร้

     • เนื้อปลากะพงแล่ตามยาว 6 ชิ้น
     • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
     • เกลือเล็กน้อย
     • พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา
     • ตะไคร้ 10 ต้น
     • ตะไคร้ซอยบาง
     • มะเขือเทศราชินีหั่นครึ่ง 1 1/2 ถ้วย
     • เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 60 กรัม
     • น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา
     • น้ำเปล่าเล็กน้อย
     • ใบผักชี
     • พริกขี้หนูซอย

ส่วนผสม น้ำยำ


     • พริกขี้หนูซอย 4-5 เม็ด
     • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำตาลทราย 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
     • ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำมะนาว 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
     • ผักชีสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำยำมะเขือเทศราชินีกับปลากะพงย่างตะไคร้

     • 1. หมักปลากับซีอิ๊วขาว เกลือ และพริกไทย ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นนำปลาที่หมักมาเสียบด้วยก้านตะไคร้ ทาด้วยน้ำมันมะกอก
     • 2. วางเนื้อปลาลงบนฟอยล์ โรยด้วยตะไคร้ซอยบาง และน้ำเล็กน้อย ห่อให้สนิท จากนั้นนำไปย่างในเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที หรือจนปลาสุก
     • 3. ผสมส่วนผสมของน้ำยำทั้งหมด คนจนน้ำตาลละลาย แล้วนำไปคลุกกับมะเขือเทศราชินีที่เตรียมไว้ ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง
     • 4. ตักยำมะเขือเทศใส่จาน วางเคียงด้วยปลาย่าง ตกแต่งด้วยใบผักชีและพริกขี้หนูซอย พร้อมเสิร์ฟ

4. สปาเกตตีผักรวม
มะเขือเทศ

     ใครกินมังสวิรัติอยากให้ลองทำเมนูสปาเกตตีผักรวม สูตรจาก นิตยสาร Lisa สูตรไม่ใส่เนื้อสัตว์ จับมะเขือเทศกับผักหลากชนิด ผัดเคล้ากับเส้นสปาเกตตี ง่าย ๆ แป๊บเดียวก็เสร็จจ้า

ส่วนผสม สปาเกตตีผักรวม

     • เส้นสปาเกตตีลวกสุก 150 กรัม
     • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
     • หอมหัวใหญ่หั่นชิ้น 25 กรัม
     • กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
     • หน่อไม้ฝรั่งหั่นท่อน 25 กรัม
     • ซูกินี 25 กรัม
     • พริกหวาน 3 สีหั่นชิ้นอย่างละ 25 กรัม
     • มะเขือเทศหั่นเต๋า 25 กรัม
     • เกลือ
     • พริกไทย

วิธีทำสปาเกตตีผักรวม

     • 1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอก พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมและหอมใหญ่ลงผัดให้สุก
     • 2. ตามด้วยหน่อไม้ฝรั่ง ซูกินี พริกหวาน และมะเขือเทศ ผัดพอสุก
     • 3. ใส่เส้นสปาเกตตี ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

5. ซอสมะเขือเทศแบบเข้มข้น 
มะเขือเทศ

     เคยกินซอสมะเขือเทศทั่วไปแล้วไม่ถูกปากก็มาทำเองเลยสิคะ ขอแนะนำสูตรซอสมะเขือเทศแบบเข้มข้น จิ้มกับเฟรนช์ฟรายส์ ผัดกับสปาเกตตี ทาหน้าพิซซ่า หรือทำเมนูอาหารอื่น ๆ ได้ตามชอบเลยจ้า

ส่วนผสม ซอสมะเขือเทศแบบเข้มข้น

     • มะเขือเทศสับละเอียด
     • น้ำเปล่า
     • น้ำผึ้ง
     • น้ำเลมอน

วิธีทำซอสมะเขือเทศแบบเข้มข้น

     • 1. ใส่น้ำเปล่าลงไปในกระทะ ตามด้วยมะเขือเทศ เคี่ยวด้วยไฟปานกลางจนส่วนผสมเนียนละเอียด
     • 2. นำออกจากเตา เทใส่ถาดภาชนะ (ปล่อยให้เย็นที่อุณหภูมิห้อง)
     • 3. ใส่น้ำผึ้งและน้ำมะนาวลงไป คนให้เข้ากัน
     • 4. เทส่วนผสมลงไปบนถาดที่ปูแผ่นกระดาษรองอบไว้แล้ว นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 150 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง หากเอาออกจากเตาอบแล้วส่วนผสมยังเหนียวอยู่ให้ปล่อยทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนำไปใส่ในอาหารตามที่ต้องการ

6. น้ำพริกอ่องไก่สับ
มะเขือเทศ

     มะเขือเทศเหลือ ๆ อย่าเพิ่งทิ้ง จับมาทำเมนูน้ำพริกอ่องไก่สับ สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน เนื้อไก่สับผัดกับมะเขือเทศและเครื่องแกง รสชาติเปรี้ยวเผ็ดกลมกล่อมโดนใจ

ส่วนผสม น้ำพริกอ่องไก่สับ

     • พริกขี้หนูแห้ง (แช่น้ำพอนิ่ม) 2 เม็ด
     • พริกชี้ฟ้าแห้ง (นำเมล็ดออกแช่น้ำพอนิ่ม) 5 เม็ด
     • กระเทียมกลีบใหญ่ (ปอกเปลือก) 5 กลีบ
     • หอมแดง (ปอกเปลือก) 4 หัว
     • น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
     • เนื้ออกไก่ลอกหนัง (สับละเอียด) 200 กรัม
     • มะเขือเทศราชินี (หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ) 250 กรัม
     • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
     • ต้นหอมซอย 2 ต้น
     • ผัก 5 สี สำหรับทานเคียง ได้แก่ แครอทหั่นเป็นแท่งแช่เย็น, ผักกาดขาว, ผักกาดแก้ว, ผักกาดคอส, ผักเรดเคอรัล และดอกโสนลวกสุก

วิธีทำน้ำพริกอ่องไก่สับ

     • 1. โขลกพริกขี้หนูแห้ง พริกชี้ฟ้าแห้ง กระเทียม และหอมแดงให้ละเอียด
     • 2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช นำส่วนผสมที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม เติมเนื้อไก่สับลงไปผัดพอเข้ากันดี เติมมะเขือเทศลงไปผัดให้เข้ากัน
     • 3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียก ปิดไฟ โรยต้นหอม ตักใส่ถ้วย จัดเสิร์ฟพร้อมผัก 5 สี

7. น้ำพริกอ่องคลีน
มะเขือเทศ

     มาต่อกันที่เมนูมะเขือเทศทำน้ำพริกอ่องอีกสูตรกันเลยค่ะ ขอแนะนำเมนูน้ำพริกอ่องคลีน สูตรจาก คุณ Angelisa สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จะใส่อกไก่หรือเนื้อกุ้งก็ตามชอบ กินกับผักสดหรือผักลวกก็เอาที่สบายใจเลยค่ะ

ส่วนผสม น้ำพริกอ่องคลีน

     • อกไก่สับ หรือเนื้อกุ้งสับ
     • พริกแห้ง
     • หอมแดง
     • กระเทียม
     • มะเขือเทศ
     • น้ำมันมะกอก
     • น้ำเปล่า
     • น้ำปลา (สูตรโซเดียมต่ำ)
     • ซอสหอยนางรม (สูตรโซเดียมต่ำ)
     • ผักสด ตามชอบ

วิธีทำน้ำพริกอ่องคลีน


     • 1. โขลกพริกแห้ง หอมแดง และกระเทียม จากนั้นนำเนื้อไก่ลงไปโขลกพอเข้ากันดี
     • 2. หั่นมะเขือเทศใส่ลงไปโขลกเบา ๆ ให้เข้าเนื้อเข้าน้ำ
     • 3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อย เอาน้ำพริกที่โขลกไว้ลงผัดด้วยไฟอ่อนนาน ๆ ผัดจนน้ำพริกหอม เติมน้ำลงไปพอขลุกขลิก ปรุงรสด้วยน้ำปลาลดโซเดียม รอจนเดือด ตักใส่ถ้วย กินกับผักตามชอบ

ที่มา https://cooking.kapook.com/view157036.html
(จัดทำเพื่อการศึกษา)


ประโยชน์มะเขือเทศ

ประโยชน์มะเขือเทศ
ประโยชน์ของมะเขือเทศ

มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรัยแห่งวัยผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ลดริ้วรอย

น้ำมะเขือเทศช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกายน้ำมะเขือเทศช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกายผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ความสดชื่น

ช่วยเสริมคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ความแข็งแรง

มีวิตามินเอซึ่งมีส่วนชวยบำรุงสายตา
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ บำรุงสายตา

ประโยชน์อื่นๆ
  1. มะเขือเทศ มีเบตาแคโรทีนและฟอสฟอรัสในปริมาณมาก
  2. มะเขือเทศช่วยในการรักษาสิว ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้าหรือฝานบาง ๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้
  3. ช่วยทำให้ผิวหน้าเต่งตึงสดใส ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้าหรือฝานบาง ๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้
  4. มะเขือเทศใช้นำมาทำเป็นน้ำผลไม้ โดยน้ำผลไม้ที่ขึ้นชื่อก็คือน้ํามะเขือเทศดอยคํา
  5. เป็นที่นิยมนำมาทำเป็นอาหารได้หลายเมนู เช่น ข้าวผัด ซุป ยำต่าง ๆ เป็นต้น
  6. ช่วยใหร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคหอบหืดได้มากถึง 45%
  7. ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์
  8. ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟัน
  9. ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
  10. มะเขือเทศมีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ
  11. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
  12. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
  13. ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะเส้นเลือดตีบ การเกิดโรคหัวใจวาย สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
  14. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
  15. ช่วยในระบบย่อยในกระเพาะอาหารและช่วยในการขับถ่ายอุจจาระได้สะดวก
  16. ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราหรือเชื้อราที่ปาก
  17. ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งลำไส้
  18. ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายได้ถึง 45% หากรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ
  19. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ในเพศหญิง
  20. ซอสมะเขือเทศหมักผม ด้วยการใช้มะเขือเทศหมักผมจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนไปของสีผม อันเนื่องมาจากการว่ายน้ำในสระที่มีคลอรีน
  21. ซอสมะเขือเทศนำมาใช้ขัดเครื่องประดับเงินชิ้นโปรดของคุณให้เงางามเหมือนเดิมได้ ด้วยนำซอสมะเขือเทศมาถูแล้วล้างน้ำออก
  22. ซอสมะเขือเทศช่วยในการดับกลิ่นคาว เศษอาหาร กลิ่นปลาสลิดได้เหมือนกันนะ เพียงแค่เปิดฝาซอสทิ้งไว้ 1 คืนเท่านั้น
  23. ซอสมะเขือเทศช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลังจากการหกล้มหรือถูกมีดบาดได้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ มะเขือเทศ

(จัดทำเพื่อการศึกษา)

มะเขือเทศ และการปลูกมะเขือเทศ



มะเขือเทศ และการปลูกมะเขือเทศ



มะเขือเทศ (Potato) จัดเป็นพืชผักสวนครัวชนิดหนึ่งที่จำเป็น และเป็นที่นิยมสำหรับการประกอบอาหารหลายชนิด เนื่องจากมีสีสันสวยงามน่ารับปะทาน อีกทั้งให้รสหวานอมเปรี้ยวที่อร่อยเหมาะแก่การประกอบอาหาร นอกจากนั้น ยังใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ซอสมะเขือเทศ

วงศ์ : Solanaceae
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lycopersicon esculentum Mill.
ชื่อท้องถิ่น : มะเขือเทศ มะเขือส้ม ตรอบ


ประวัติมะเขือเทศ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ มะเขือเทศ

มะเขือเทศมีถิ่นกำเนิดในแถบเทือกเขาแอนดิส ของอเมริการใต้ บริเวณประเทศเปรู และซิลีในปัจจุบัน ที่เป็นพันธุ์ป่าดั้งเดิม จากนั้นจึงค่อยแพร่เข้าสู่อเมริกา ยุโรป และเอเชีย และพัฒนาสายพันธุ์ต่างๆมากมายจนถึงปัจจุบัน


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รากมะเขือเทศ
ราก
    รากมะเขือเทศ เป็นระบบรากแก้ว และแตกย่อยออกเป็นรากแขนง และแตกออกเป็นรากอ่อนในแต่ละปลายแขนง หากปลูกจากเมล็ดจะยังคงมีรากแก้ว แต่หากถอนต้นกล้าที่รากแก้วถูกทำลาย ต้นมะเขือเทศจะสร้างรากแขนงออกมาทดแทนเป็นจำนวนมาก โดยระดับความลึกของรากลึกได้มากถึง 1 เมตร และรากยาวในแนวนอนได้มากถึง 50 ซม. นอกจากนั้น มะเขือเทศยังสามารถสร้างรากแทงออกจากลำต้นเหนือดินด้วย








ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ต้นมะเขือเทศลำต้น และกิ่ง

    ต้นอ่อนมะเขือเทศมีลักษณะเป็นทรงกลม และเปราะหักง่าย เมื่อแก่ขึ้น ต้นจะค่อนข้างเป็นเหลี่ยม และแข็งแรงขึ้น แตกกิ่งตั้งแต่ระดับล่างของลำต้น โดยลำต้นจะมีขนปกคลุม และมีกลิ่นเฉพาะตัว ลำต้นมะเขือเทศบางสายพันธุ์เป็นลำต้นตั้งตรง และแข็งแรง แต่บางสายพันธุ์มีลักษณะลำต้น และกิ่งเลื้อยขึ้นที่สูงหรือเลื้อยตามดิน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ต้นมะเขือเทศ





ใบ
ใบมะเขือเทศเป็นใบประกอบ มีก้านใบหลัก แต่ละก้านใบ มีใบย่อยแตกออกด้านข้าง  7-9 ใบ ใบมีสีเขียวสด มีขนปกคลุมทั่วใบ







potato3
ดอก
ดอกมะเขือเทศเป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีทั้งเกสรตัวเมีย และเกสรตัวผู้ในดอกเดียวกัน โดยออกดอกเป็นช่อ ช่อละประมาณ 3-5 ดอก แทงออกบริเวณข้อของกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก สีเหลือง มีกลีบดอก 5 กลีบ และกลีบเลี้ยง 5 กลีบ เมื่อดอกบาน กลีบเลี้ยง และกลีบดอกจะโค้งลง ภายในประกอบด้วยเกสรตัวผู้ 5 อัน ล้อมรอบเกสรตัวเมียที่อยู่ด้านใน

potato2
ผล
ผลมะเขือเทศมีลักษณะฉ่ำน้ำ และมีรูปร่างแตกต่างกันตามสายพันธุ์ มีทั้งรูปทรงกลม ทรงรี ส่วนขนาดมีทั้งขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ผลอ่อนจะมีสีเขียวอมขาว และค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวเมื่อแก่ และเป็นสีแดง เมื่อผลสุก นอกจากนี้ ผลอาจมีสีเหลือง และสีเหลืองเข้ม ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์

เมล็ด

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เมล็ดมะเขือเทศ

เมล็ดมะเขือเทศ มีลักษณะแบน รูปไข่ สีเหลือง และมีขนาดเล็ก โดยมีขนสั้นปกคลุมรอบนอก ยาวประมาณ 3-5 มม.

คุณค่าทางโภชนาการ (100 กรัม)
• น้ำ 94%
• พลังงาน 19.0 แคลอรี่
• โปรตีน 0.7 กรัม
• ไขมัน 0.3 กรัม
• คาร์โบไฮเดรต 4 กรัม
• เยื่อใย 4 กรัม
• โปรตีน 1.7 กรัม
• ฟอสฟอรัส 31.0 มิลลิกรัม
• แคลเซียม 9.0 มิลลิกรัม
• เหล็ก 0.4 มิลลิกรัม
• โพแทสเซียม 222.0 มิลลิกรัม
• ไรโบฟลาวิน 0.04 มิลลิกรัม
• ไทอามีน 0.05 มิลลิกรัม
• ไนอาซีน 0.7 มิลลิกรัม
• กรดแอสคอบิก 21.0 มิลลิกรัม
• วิตามิน เอ 822.0 I.U.

สารสำคัญที่พบ
สารสำคัญที่พบมากในมะเขือเทศจะเป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ที่ชื่อ ไลโคพีน (Lycopene) ที่ให้สารสีแดง และกรดซิตริกที่ให้รสเปรี้ยว รวมถึงวิตามินบี 1 บี 2 วิตามิน เค วิตามินอี วิตามินเอและวิตามินซีสูง

สารพิษในมะเขือเทศ
ถึงแม้ว่ามะเขือเทศจะมีสารอาหาร และสารที่ออกฤทธิ์ทางยา แต่มะเขือเทศก็ยังมีสารพิษประเภท steroidal alkaloids ที่พบอยู่ในรูป glycoalkaloid ได้แก่ สาร alpha-tomatine เป็นหลัก และ  สาร beta-tomatine ในปริมาณเล็กน้อย สารพิษนี้ มีคุณสมบัติคล้ายสารพิษ saponin คือ เมื่อเขย่ากับน้ำจะทำให้เกิดฟอง ซึ่งจะพบมากในผลดิบที่มีสีเขียว ความเข้มข้นประมาณ 150-330 มก./100 กรัม แต่เมื่อผลสุกแล้วจะพบน้อยมาก ประมาณ 0.03-0.08 มก./100 กรัม
สารพิษ tomatine ออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายเป็นอัมพาต ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก และทำให้ผิวหนัง และเยื่อบุระคายเคืองอย่างรุนแรงเมื่อสัมผัส แต่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ คือ ใช้เป็นส่วนผสมหรือใช้ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อรา และใช้เป็นส่วนผสมของยาฆ่าแมลง

สรรพคุณมะเขือเทศ
– ช่วยดับกระหายน้ำ
– ช่วยเจริญอาหาร
– ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย
– ช่วยบำรุงสายตา
– ช่วยเป็นยาระบาย
– ลด และป้องกันการเกิดมะเร็งในลำไส้

การปลูกมะเขือเทศ
ฤดูกาลปลูก
การปลูกมะเขือเทศในประเทศไทย แบ่งฤดูกาลปลูกออกเป็น 2 ช่วง คือ
1. ฤดูปลูกปกติ
การปลูกมะเขือเทศในฤดูปกติจะปลูกในช่วงปลายฤดูฝนจนถึงฤดูแล้ง ช่วงเดือนตุลาคม-มีนาคม เพื่อลดปัญหาผลมะเขือเทศเน่าเสีย และมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยเกษตรกรมักปลูกในแปลงนาหลังการเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ซึ่งช่วงนี้ดินยังมีความชื้นที่เพียงพอ ซึ่งจะเก็บผลผลิตในช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม
2. การปลูกนอกฤดู
การปลูกนอกฤดูแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงแรก เริ่มจากเดือนเมษายน-พฤษภาคม ซึ่งมีการปลูกมากในที่ราบสูงตามภูเขาทางภาคเหนือ ส่วนช่วงที่ 2 จะปลูกในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน ซึ่งไม่นิยมปลูกมากนัก เนื่องจากประสบปัญหาเรื่องโรคผลเน่า แต่จะพบปลูกในพื้นที่ที่มีระบบการระบายน้ำดี
การเตรียมดิน
การปลูกมะเขือเทศจำเป็นต้องยกร่องแปลงคล้ายกับการปลูกพืชผักทั่วไป แต่ก่อนนั้น จำเป็นต้องเตรียมดิน และกำจัดวัชพืชก่อน ด้วยการไถพรวนดินรอบแรกที่ไถลึกประมาณ 20-30 ซม. พร้อมกำจัดวัชพืช และตากดินนาน 10-15 วัน จากนั้น ไถพรวนดินรอบ 2 อีกครั้ง และตากดินนาน 5-7 วัน โดยก่อนไถรอบ 2 ให้หว่านโรยด้วยปุ๋ยคอก อัตรา 3-5 ตัน/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 20 กิโลกรัม/ไร่ เมื่อตากดินรอบ 2 ครบตามวันแล้วจึงไถยกร่องเตรียมปลูก โดยไถยกร่องกว้าง 70-80 ซม. สำหรับปลูกแถวเดี่ยว และร่องกว้าง 100-120 ซม. สำหรับปลูกแถวคู่ โดยยกร่องสูงประมาณ 30 ซม. ทั้งนี้ หากพื้นที่ใดเป็นดินเปรี้ยว ควรหว่านโดยด้วยปูนขาว อัตรา 100-300 กิโลกรัม/ไร่ ร่วมกับการหว่านปุ๋ยคอกทุกครั้ง
การเพาะกล้า
สำหรับการปลูกเพื่อการประหยัดเมล็ดพันธุ์ และเพื่อให้ได้กล้าจำนวนมากจะใช้วิธีการเพาะกล้าในแปลงเพาะ โดยการเตรียมดินด้วยการผสมดินกับปุ๋ยคอก ก่อนการหว่านเมล็ดลงแปลง และดูแลจนกล้ามีอายุได้ 25-30 วัน หรือมีใบจริง 5-7 ใบ แล้วค่อยย้ายปลูกในแปลงต่อ ทั้งนี้ ก่อนย้ายปลูก ให้รดน้ำในแปลงให้ชุ่มก่อนทุกครั้ง
การปลูก
การปลูก นิยมปลูกในช่วงปลายฤดูฝนที่ฝนเริ่มน้อย หากปลูกในช่วงก่อนฤดูฝนหรือต้นฤดูฝนมักประสบปัญหาผลเน่าเสียง่าย
หลังจากการไถยกร่อง จะเริ่มขึ้นตอนการปลูก โดยใช้กล้าเพาะหรือการหยอดเมล็ด ในระยะปลูกที่ความห่างของต้นหรือหลุมที่ 50 ซม. สำหรับการหยอดเมล็ด ควรหยอด 3-4 เมล็ด/หลุม แล้วค่อยถอนออกให้เหลือ 1-2 ต้น/หลุม
การคลุมดิน
หลังการปลูกประมาณ 1 อาทิตย์ ควรใช้วัสดุเกษตรคลุมดิน เช่น ฟางข้าว วางคลุมรอบโคนต้น เพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดิน
การใส่ปุ๋ย และให้น้ำ
การใส่ปุ๋ยจะใส่อีกประมาณ 2 ครั้ง หลังการปลูก ด้วยสูตร 15-15-15 ในครั้งแรกหลังการปลูกได้ประมาณ 10-15 วัน และใส่ครั้งที่ 2 ประมาณ 30-40 วัน หลังการปลูก ด้วยสูตร 12-12-24 อัตราการใส่แต่ละครั้งที่ประมาณ 30 กิโลกรัม/ไร่
การให้ให้น้ำ จะให้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในระยะแรกหลังการปลูก ประมาณ 1 เดือน ควรให้น้ำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง หลังจากนั้น ให้น้ำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง โดยหลังจากผลเริ่มแก่ค่อยลดปริมาณการให้น้ำลง
การทำค้าง
มะเขือเทศบางสายพันธุ์มีลักษณะเลื้อยสูง และลำต้นไม่แข็งแรง จำเป็นต้องทำค้างให้ ด้วยการใช้ไม้ไผ่ปักค้ำทแยงกัน หลังจากปลูกประมาณ 15 วัน หรือใช้ไม้ปักระหว่างต้น แล้วใช้ลวดขึงด้านข้าง

potato5

การเก็บผล
โดยทั่วไป มะเขือเทศสามารถเก็บผลได้หลังย้ายกล้าปลูกประมาณ 55-85 วัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์

ที่มา http://puechkaset.com/มะเขือเทศ/
จัดทำเพื่อการศึกษา